เอแคร์

^--^

ดึกแล้ว คืนนี้ลมแรงจัง
แต่ก็ยังมีพลังพอที่มานั่งอัพบล๊อก
ก็เพราะ เพิ่งบ้าพลัง ผลิตเอแคร์กองพะเนินนี่เสร็จ
เนื่องจากวันนี้มีเพื่อนบ้านมาเยือน
ทาร์ตมะนาวก็เลยหมดไปอย่างรวดเร็ว
เพราะใช้ต้อนรับแขกได้อย่างไม่ต้องอาย
แถมเป็นของฝากติดมือเพื่อนทั้งสองไปอีกซะงั้น
คืนนี้จึงต้องคลอดอะไรออกมาสักชิ้น

ที่ต้องเลือกเป็นเอแคร์ ก็เพราะสั่งให้น้องซื้อไข่เข้าบ้านซะ 3 แผง (90ลูก)
เพราะรู้สึกว่า 30 ลูกที่บ้านเราใช้ 2 วันก็หมด ทั้งอาหาร ทั้งขนม เร็วมาก คิก
เอแคร์ ต้องใช้ไข่เยอะ อีกอย่างนึงคือไม่ได้ทำขนมตัวนี้มาปีกว่าแล้ว
และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นเองค่ะ
----------
ผลจากที่ทำออกมา ส่วนของเพรสตี้ครีม ยังคงอร่อยไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ
แต่ส่วนของแป้งน่าจะผิดพลาดที่ทำให้แป้งเหลวไปสักนิดค่ะ
เมื่ออบออกมาแล้ว จึงไม่ค่อยเห็นลายของหัวบีบเป็นรูปร่างเท่าไหร่ค่ะ
แต่ข้างในโป่งพองดีค่ะ บีบไส้เอาไปแล้ว ก็พอถูไถไปกันได้ค่ะ
แล้วก็ ติดค้างในใจไว้อีก 1 รายการ ที่จะต้องกลับมาแก้มือแน่นอนค่ะ
เพราะเคยทำแป้งได้สวยกว่านี้ ค่ะ อิอิ
ใครอยากได้สูตร ก็เขียนความคิดเห็นทิ้งไว้นะค่ะ
คือเป็นสูตรที่ดี ของครูที่สอนค่ะ แต่อิฉันทำพลาดเองค่ะ
***********

Lemon Tarts ทาร์ตมะนาว

^__^

ทาร์ตมะนาวแสนอร่อย รับประกันด้วยตัวเองค่ะ
วันนี้ต้องเลือกทำอะไรก็ได้ค่ะ ที่มันไม่เลี่ยน ไม่เอียน ซะที
เพราะสมาชิกพากันหนีหน้าอิฉันหมดแล้วค่ะ
หลังจากที่เจอกับเค้กมูส เค้กครีม ที่ผ่านๆมา กันหลายรอบ
ทาร์ตมะนาว เย็นนี้ จึงเรียกให้สมาชิกเข้ามารุมตอมอิฉันกันอีกรอบ อิอิ
ตัวแป้งทาร์ตและครีมมะนาว อร่อยไม่เปรี้ยวมาก ไปด้วยกันอย่างลงตัวค่ะ
ที่สำคัญ อิฉันปรับสูตรของครีมมะนาวจาก 2 สูตร มารวมกัน
ส่วนของแป้งมีผงอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วย ทำให้หอมอร่อย และร่วนนิดหน่อย
ส่วนของครีมมะนาวรสเปรี้ยวนำ หวานนิดหน่อย นุ่มครีม
เฮ้อๆๆๆ บรรยายความอร่อยไม่ถูกเลย



สูตรแป้งทาร์ต

แป้งอเนกประสงค์ 175 กรัม
เนยเย็น 105 กรัม
ไข่ 25 กรัม(เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง)
ไอซิ่ง 55 กรัม
ผงอัลมอนด์ 20 กรัม
กลิ่นวนิลา
เกลือ
- นำแป้ง + เนยจืดเย็นจัดหั่นเป็นชิ้นเล็ก + เกลือ ตีรวมกันในโถตีแป้งด้วยหัวใบไม้ความเร็วต่ำจนเป็นเนื้อทราย
- ค่อยๆใส่ไอซิ่ง + ผงอัลมอนด์ ลงไปตีรวมกัน เบาๆเหมือนเดิม
- ค่อยๆใส่ไข่ลงไป เมื่อแป้งเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ก็ใช้ได้เลย
- นำแป้งที่ได้ มากรุลงในพิมพ์ทาร์ต
- นำเข้าอบ 180 องศา ประมาณ 12-15 นาที ค่ะ (ของอิฉันสีเข้มนิดนึงค่ะ ใช้ 15 นาที)
- เมื่อได้แล้วนำออกมาวางให้เย็น ก็จะหลุดออกจากพิมพ์เองค่ะ

ครีมมะนาว

ไข่ไก่ 4 ฟอง

"สีสวย น่ากินไหมค่ะ"

วันนี้อบเฉพาะแป้งน้อยชิ้นก็เลยใช้เตาเล็กในห้อง อบซะเลย

แป้งทาร์ต ก่อนอบ อย่าลืมจิ้มที่ก้นนะค่ะไม่งั้นมันจะนูนขึ้นมาค่ะ

พิมพ์ทาร์ต ทั้ง 2 นี้ น้าแหม่มพาไปหาซื้อแบบถูก แต่คุณภาพถือว่าดีเลยแหละ ไม่ใช่อลูมิเนียมแบบถูก เป็นของร้านญี่ปุ่น neo สาขาซีคอนสแคว์

งานนี้ถือเป็นการประเดิมแกะห่อออกมาทุกชิ้นเลยค่ะ เพราะจะได้เช็คคุณภาพของสินค้าด้วย ขอบอกว่าถูกใจมากค่ะ

ถ้างั้นก็ยกทาร์ตมะนาวให้น้าแหม่มกิน 3 ชิ้น นะ เอ้า !! เอาไป 555+

แล้วก็ฝากซื้อให้อีกสัก 3 แพ๊ค(6 ชิ้น)นะจ๊ะ เพราะไม่พอค่ะเลยต้องเอาแบบใหญ่มาเสริมทับด้วยไงละ

ส่วนผสมแป้งทาร์ต

รูปภาพ สีออกมา ไม่ค่อยสม่ำเสมอนะค่ะ เพราะทำตอนเย็น ติดคาบไปค่ำนิดหน่อย แสงไม่สวยเเล้วค่ะ

พรุ่งนี้จะถ่ายใหม่เท่าที่เหลืออยู่ 5555+

****------------------------****

น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
น้ำมะนาวไทย คั้นเอาแต่น้ำ 1/4 ถ้วย+น้ำสะอาด3 ชต.+น้ำตาล 1 ชช. คนรวมกัน
เกลือป่น 1/4 ชช.
ครีม 3/4 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 2 ชช.
- นำครีมแยกออกมาสัก2 ชต. คนรวมกับแป้งข้าวโพด ไม่ไห้แป้งเป็นเม็ด
- ส่วนผสมอื่นทั้งหมด คนรวมกันแล้วนำไปตั้งไฟ เมื่อให้น้ำตาลละลายหมด
- ใส่ส่วนของแป้งข้าวโพดลงไป คนพอข้นก็ยกลง
- เทใส่แป้งทาร์ตให้เต็มพอดีค่ะ

**** อันที่จริงเสร็จขั้นตอนนี้ก็นำเข้าตู้เย็นให้เซ็ทตัวก็นำออกมาทานได้เลยค่ะ
แต่
อิฉัน อยากให้เนื้อดูแห้งสักนิดค่ะ ก็เลยนำเข้าอบ ไฟ 175 องศา 10 นาที
แล้วจึงนำเข้าตู้เย็นค่ะ
เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ค่ะ
พรุ่งนี้ ได้ทาร์ตมะนาวสักชิ้นกันกาแฟสักแล้ว คงอร่อยเหาะไปเลยเน๊อะ

ทิรามิสุ

ทิรามิสุ

ยังไม่ว่างจะลงมือซะทีค่ะ
ต้องรอคิวก่อน
แต่น้องตุ๋มเขียนมาขอสูตร
พี่นั่งว่างๆ ก็ลงสูตรให้ซะก่อนละกันค่ะ

สูตรตัวขนม ladyfinger

ไข่ขาว 4 ฟอง
ไข่แดง 4 ฟอง
น้ำตาล 100 กรัม
แป้งเค้ก 125 กรัม
-----------------
อบ 10 นาที

น้ำเชื่อมกาแฟ

น้ำร้อน 70 กรัม
น้ำตาล 20 กรัม
กาแฟ 2 ชช.
ผสม3อย่างนี้เข้าด้วยกันจะได้น้ำเชื่อมกาแฟ


ครีมทิรามิสุ
ครีมมัคคาโปน 300 กรัม
ไข่แดง 6 ฟอง
น้ำตาล 60 กรัม
ครีมมูส 300 กรัม
เหล้าคาลัวร์ 1 ฝา

วิธีทำเลดี้ฟิงค์เกอร์
1.น้ำตาล 50 กรัม+ไข่แดง ----ตีรวมกันด้วยตะกร้อมือ ให้เป็นครีมขาวข้นขึ้น
2.น้ำตาล 5 0 กรัม+ไข่ขาว---ตีในโถผสมอาหาร โดยเริ่มจากการตีไข่ขาวก่อนจนขึ้นฟองจึงค่อยๆทะยอย
ใส่น้ำตาลลงไปทีละส่วน เมื่อตั้งยอดเเละฟองละเอียดดีก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ
3. นำส่วนของไข่แดง ผสมกับส่วนของไข่ขาวให้เข้ากันอย่างเบามือ
4.นำส่วนของแป้งลงไปตะล่อมรวมกันอย่างเบามือ
5.เทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้ความหนาเสมอกัน
6.โรยด้วยไอซิ่งแล้วนำเข้าอบ
7.เมื่ออบขนมได้ที่แล้ว นำออกจากเตาสักครู่จึงคว่ำขนมลงแล้วลอกกระดาษออก
8.วัดขนาดของพิมพ์ขนมที่จะใช้เสิร์ฟ แล้วจึงตัดขนมเท่ากับพิมพ์ วางไว้ก่อนค่ะ

มูสทิรามิสุ
1. นำมัคคาโปนชีสใส่ชามใบใหญ่ แล้วใช้พายยางคนให้นุ่ม
2. นำไข่แดง+น้ำตาล ไปตุ๋นบนหม้อไอน้ำ คนให้น้ำตาลละลายและข้นขึ้นนิดหน่อย ก็ยกลง(ถ้าใครอยาก
ใส่เจลาตินตอนนี้ ก็ใส่ได้เลยค่ะ)
3. ตีวิปปิ้งครีมจนเป็นมูส
4. ค่อยๆเทข้อ2 ใส่ข้อ1 คนรวมให้เข้ากัน
5. ใส่เหลาคาลัวร์ 1 ฝา
6.ใส่วิปมูสคงไปคนรวมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน
เสร็จแล้วค่ะ

ประกอบเป็นขนม
1.นำขนมชั้นที่ 1 วางก้นแก้ว
2.เทมูสใส่
3.วางขนมชั้นที่2
4.เทมูสใส่
5.วางขนมชั้นที่3
6. เทมูสใส่
7.ปาดให้หน้าเรียบ
8.โรยหน้าด้วยผงโกโก้
(ถ้าแก้วใบเล็ก ทำ2 ชั้นก็พอค่ะ)
9.ตกแต่งหน้าตามชอบค่ะ


ง่ายเน๊อะ ทีแรกนึกว่าจะยากกว่านี้ซะอีก
แถวบ้านป้ามีขนมเลดี้ฟิงเกอร์ขายด้วยละ
ถ้าเมื่อไหร่ทำ ป้าก็คิดว่าจะไปซื้อมาเลยค่ะ
เพราะขี้เกียจทำให้มันวุ่นวาย เคยซื้อมาถุงเบ่อเร่อ 65 บาทเองค่ะ
น่าจะทำได้เพียบเลยแหละจ๊ะ
ถ้าซื้อมาเมื่อไหร่ ป้าจะถ่ายรูปลงให้ดูนะจ๊ะ

แต่ไอ้เจ้ามัคคาโปนชีสนี่แหละที่ไม่มีขายแถวบ้านจ๊ะ
ต้องเข้าเมืองไปเกือบ 100 กิโล เหอะๆๆ ไม่ทำดีกว่าค่ะ

เอาละนู๋ตุ๋มนู๋อ้อย ลงมือทำกันได้เลยจ๊ะ
ผลออกมาเป็นไง เขียนมาบอกป้าด้วยนะ
และถ้าไม่เข้าใจขั้นตอนไหนที่ป้าเขียนก็
ถามมานะค่ะ
ถ้าสายไหนที่ป้าไม่รับ ก็ขอโทษนะค่ะ
กำลังยุ่งละค่ะ อิอิ

เค้กมะพร้าวอ่อน@ It's me. @

** ^__^ **

มาแล้วค่ะ คุณหลานๆทั้งหลาย
มาตามคำเรียกร้องค่ะ

มาเร็วเข้า มาติมาชมกัน
เค้กมะพร้าวอ่อน เริ่มปฎิบัติการเมื่อคืนค่ะ
ขั้นตอนสุดท้ายที่ขนมเซ็ทตัวดีและนำออกมาตัดแบบลวกๆ
ปาเข้าไป เกือบตี 1 แล้วค่ะ
หน้าตาขนม และ ความผิดพลาดก็อาจเกิดขึ้น ตามสภาพของความแก่คนทำละค่ะ 555+

เค้กมะพร้าวอ่อนของป้าวันนี้
น้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าว ก็ใหม่สด จากต้นเลยละค่ะ
ตื่นเต้นใช่ม๊ะค่ะ เอาลงมาทั้งทลายเลยค่ะ แต่มีอ่อนอยู่ 3 ลูกเองค่ะ 55 ++
++
อ้าว/กะทิกล่องก็หมดค่ะ ก็เลยต้องเอากะทิผงมาใช้ทดแทนค่ะ

ส่วนของเนื้อเค้กใช้ชิฟฟ่อน หลานๆก็คงจะเข้าใจวิธีทำกันดีอยู่แล้วนะค่ะ

จะได้ไม่ต้องเขียนขั้นตอนค่ะ
ป้าจะลงแค่สัดส่วนของสูตรก็พอนะค่ะ
ผสมแล้วเทใส่พิมพ์ 2ปอนด์ 2 พิมพ์ เข้าอบ 180 องศา 25-30 นาทีค่ะ
เนื้อชิฟฟ่อนสูตรนี้ จะเนียวนุ่มนะค่ะ แต่อร่อยมากค่ะ (ชิมไป-ชมไป)

ส่วนผสมชิฟฟ่อนเค้กค่ะ

ส่วนที่ 1 . แป้ง 100 กรัม

ผงฟู 4 กรัม

ไข่แดง 100 กรัม

น้ำตาล 50 กรัม

เกลือ 1/4 ชช.

น้ำมันพืช 55 กรัม

น้ำมะพร้าว 60 กรัม

--------

ส่วนที่ 2. ไข่ขาว 200 กรัม

น้ำตาล 100 กรัม

ส่วนของมูสมะพร้าวอ่อน ดังนี้ค่ะ

แป้งข้าวโพด 20 กรัม

น้ำตาลทราย 30 กรัม

เกลือป่น 1/4 ชช.

น้ำกะทิ 150 กรัม

นมข้นจืด 150 กรัม

เนยสด 25 กรัม

เจลาติน 2 แผ่น

วิปครีม 250 กรัม

เนื้อมะพร้าว หั่นชิ้นเล็ก 150 กรัม( หรือมากกว่าตามชอบค่ะ)

----------

1.นมข้นจืด 20 กรัม+แป้งข้าวโพด 20 กรัม คนรวมกันไม่ให้แป้งเป็นเม็ด ---พักไว้

2.ตีวิปครีมจนเป็นเนื้อมูสเบาๆ

3.น้ำตาลทราย+นมข้นจืด 130 กรัม+เกลือ+น้ำกะทิ ผสมรวมกัน นำไปตั้งไฟ ถ้าเนื้อมะพร้าวแข็งให้ใส่ไปด้วยเลยนะค่ะ

- นำ ข้อ 1 +ข้อ 3 คนรวมกัน + เนื้อมะพร้าวอ่อน พอเริ่มข้นก็ยกลงค่ะ + ใส่เนยสดลงไปคนรวมเข้ากัน+

เจลาติน *** จากนั้นเตรียมนำไปผสมรวมกับข้อ2 คือวิปครีมที่ตีไว้นะค่ะ(ระวังอย่างมากเลยค่ะ เพราะส่วนผสมยังร้อนเลยค่ะ ค่อยๆตักใส่วิปทีละช้อนเพื่อปรับอุณหภูมิก่อน แล้วจึงใส่รวมกันได้)

เป็น มูสมะพร้าวอ่อน ค่ะ

ประกอบเป็นเค้กค่ะ

1. หุ้มพิมพ์วงแหวนด้วยกระดาษฟรอยกันมูสล้นออกมาค่ะ
2. วางขนมชั้นที่1 ลงในพิมพ์ (ที่ปาดแต่งทั้งความหนาและตัดข้างออกเรียบร้อยแล้ว)
3. เทมูสลงไปปิดทับขนมชั้นแรกและเต็มข้างๆ
4. วางขนมชั้นที่สองลงไป
5. เทมูสลงไปปิดขนมชั้นที่2 ให้เต็ม
6. นำเข้าตู้เย็นให้เซ็ทตัวค่ะ

เสร็จแล้วค่ะ

* ปัญหาที่ป้าเจอวันนี่

1. เมื่อผสมของร้อนกับวิปแล้วเหลวรวมกันหมดเลยค่ะ ทำให้ป้าต้องตีวิปใหม่เพิ่มอีก 100กรัม แน๊ะ แล้วมา

ผสมเพิ่ม อีก(ฮือๆๆๆ)

2. เนื้อมะพร้าวถึงแม้จะได้มาจากต้นสดๆแต่ไม่อร่อย และไม่เยอะพอที่จะทำให้ส่วนผสมข้นพอค่ะ

3. งงๆ ว่าทำกับทีม มันขาวกว่าของป้ามากๆเลย ของป้าสีมันครีมๆสีมันเหมือนนมข้นหวานละค่ะ-- อ้อ วัน

ก่อนวิปมันเป็นอย่างดีค่ะ

แต่ใช้โฟโมสท์ คุณภาพมันไม่ถึงละ

เดี๋ยวไว้ป้าหามะพร้าว อร่อยๆได้ก่อน จะลองทำเป็นมูสมะพร้าวอ่อนอย่างเดียว

แล้ว เทใส่แก้วไว้กินกันดีกว่า

จะได้พากันหามส่งโรงพยาบาลเร็วๆ 555555

เหมือนจะทำง่าย แต่ให้อร่อยเหมือนที่คิดไว้ มันไม่ได้ละ

ต้องลองใหม่

อิอิ

ขนมปังไส้กรอก

ช่วงนี้งานใช้แรงงานกรรมกรเยอะหน่อย
ทุกๆคนที่บ้าน กินเยอะ หิวบ่อย

เข้าทางอิฉันเลยค่ะ
มีเหยื่อ ขนมที่ทำ จะได้ไม่ต้องทิ้ง อิอิ

เจ้าขนมปังไส้กรอกนี่ทำมาบ่อยแล้วค่ะ
แต่วันนี้ต้องทำเนื่องจากต้องการลองทำแป้งโด
จากเครื่องทำขนมปังค่ะ
โดยใช้สูตรขนมปังหวานที่มากับเครื่องละค่ะ
ผลออกมาดีค่ะแป้งนุ่ม เหนียวดี

ตอนคลึงเพื่อม้วนไส้กรอกแฉะติดมือไปหน่อย
ต้องใช้แป้งนวลเยอะสักนิดค่ะ
ไส้กรอกชิ้นใหญ่ที่เหลือมาจากทอดให้พวกตั้งวง

นำมาผ่าเป็นสี่ชิ้น จะได้ขนมชิ้นน่ารักๆค่ะ
น่ากินดี

ชิฟฟ่อนเค้กครีมใบเตย

^__^

ช่วงนี้ที่บ้านเหมือนมีนางกวัก
มีคนมาเยี่ยมมาเยือนไม่หยุดหย่อนเลยค่ะ
ถึงแม้จะต้องใช้สมองกล คิดบริหารการจัดการ
กับเรื่องราวต่างๆ รวมถึงบริหารเวลาที่มีอยู่
ก็ยังไม่วายที่จะต้องเจียดเวลามาทำงานอดิเรกที่รักสักหน่อยนึง
ก็ยังดี
เย็นนี้ มีแขกมากัน 6 คน เมื่อจับพวกเขาไปรวมกลุ่มกันได้
บวก กับสมาชิกของบ้านเข้าไปก็เป็น 12 คน
อิฉันก็เลยชิ่ง ออกจากวงไปบรรเลง ชิฟฟ่อนเค้กใบเตยซะเลย
เพราะเปิดตู้เย็นแล้วเห็นใบเตยที่แม่ให้มานานมากแล้ว
แต่เนื่องจากเก็บวิธีถนอม อย่างดี จึงคงสภาพเดิมอยู่ได้
จัดการเอามาหั่นแล้วปั่น คั้น เอาเฉพาะน้ำออกมาค่ะ
สูตรที่ทำวันนี้ เคยทำแล้วค่ะ ก็เลยไม่ยุ่งยากอะไร
เพียงแต่เลือกทำคนละรูปแบบกันค่ะ
ต้องขอขอบคุณเจ้าของสูตรอร่อยค่ะแม่สลิ่ม จากbloggang
แต่อิฉัน ไม่ได้เปิดจากแม่สลิ่มค่ะ

เปิดจากแมวน้อยตาพราว เพราะชอบตัวหนังสือเขาค่ะ น่ารักดี

อยู่นี่ค่ะhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=meaw-noi-tapraw&month=01-2007&date=19&group=4&gblog=14

ทำตามสูตรหมดทุกอย่างค่ะ โดยส่วนตัวคิดว่าจะต้องเพิ่มเกลือในครีมสักนิดนึงค่ะ

นิดจริงๆนะค่ะประมาณ1/4 ช้อนชา ก็พอค่ะ
เรื่องการบีบครีมแต่งขนมนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ไม่ชอบซะเลยค่ะ
ทำไม่เป็น และไม่ค่อยจะฝึกมือซักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องลองไว้บ้างค่ะ
เนื่องจากเป็นเค้กที่ไม่ต้องลงทุนมากเท่าไหร่ ก็สวยได้ค่ะ
เมื่อทำเสร็จ ก็ไม่ต้องรอเซ็ทตัวนานมากมายเหมือนมูสเค้ก หรือชีสเค้ก ต่างๆ
ตัดแบ่งเป็นชิ้นได้ทันที ฝากพี่สะใภ้ที่มาเยือนไปให้พี่ชาย 4 ชิ้น
ส่วนที่เหลือไม่ต้องพูดค่ะ เหลือแต่วิญญาณ อิอิ

@ It's me.@

บราวนี่

+++++++++++
++++++
++
+




บราวนี่อีกแล้วเน๊อะ

จริงๆก็ทำพร้อมกับโยเกิรต์สตอเบอรี่แหละค่ะ
บราวนี่สูตรนี้ลองทำตามสูตรของหนังสือที่เพิ่งซื้อมา
ทั้งหน้าตาหนังสือและสูตร ก็ตามรูปข้างล่างนี่แหละค่ะ
มีคนเขียนสูตรของบราวนี่ไว้มากมาย ก่ายกอง แล้วก็บอกว่า บราวนี่เป็นหนึ่งในตะกูลคุกกี้
ขั้นพื้นฐานของการทำขนมอบ ใครๆก็จะต้องผ่านสังเวียนบราวนี่ไปก่อนถึงขะไปทำขนมตัวอื่น
ที่ยากๆได้มันก็จริงค่ะ แต่การที่จะได้สูตรบราวนี่ที่แสนอร่อยมาครอบครอง
มันไม่ใช่ปอกกล้วยเข้าปากอย่างที่คิดค่ะ
เพราะตัวเองได้ทำบราวนี่ มานับครั้งไม่ถ้วนค่ะ แต่ยังคงไม่พอใจแบบสุดๆซะทีค่ะ
ทั้งที่ไม่ใช่คนขี้เหนียว ขี้ งก ช๊อกโกแลต หรือเนยสดค่ะ สูตร บอกให้ใช้เท่าไหร่ก็เท่ากันละค่ะ
แล้วจะไม่เลือกสูตรที่ใช้ผงโก้โก้นะค่ะ เพราะยังไง มันก็ไม่ถึงรสและกลิ่นของช๊อก หรอกค่ะ
แถมยังทำให้เนื้อขนมแห้งซะงั้น ........ แต่ทำไมยังไม่ถูกปากซะที เฮ้อ....
ไม่ท้อละค่ะ ยังจะต้องลองสูตร ต่อไป และตามปรับ เพื่อสักวันจะได้เจอสูตรที่ถูกใจซะที

+++++++++++++++++

สูตรวันนี้ที่เลือกทำ เนื้อขนมค่อนข้างแฉะค่ะ แต่สุกดีแล้ว รสชาติ หวานมากไป และรสของช๊อก น้อยไปค่ะ
ในสูตรก็เห็นว่าใช่ช๊อคน้อยไปหน่อย เมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆสูตรที่เคยทำมาค่ะ
แต่ในเล่มเขาเขียนบราวนี่ไว้2 สูตร เดี๋ยวพรุ่งนี้ จะลอง อีกสูตรนึงดูค่ะ
แล้วจะมารายงานให้ทราบกันนะค่ะ

อ้อ ลืมบอกว่า ถึงแม้จะทำแล้วไม่พอใจรสชาติ แต่เนื่องจากที่บ้านมีสมาชิกเยอะ ก็ไม่เหลือไว้ให้น้อยใจหรอกค่ะ 55555+

โยเกิตร์สตอร์เบอรี่มูสเค้ก

!!!!!! @@@@ !!!!!!

และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องทดลองสูตร กันซะที

ป่านนี้นู๋อ้อย+นู๋ตุ๋ม รอกันจนตาแหกแน่แล้ว

ว่าเมื่อไหร่ ป้าจะได้ฤกษ์ได้ยาม ว่างมาเขียนสูตรให้ซะที

ต้องขอโทษทีนะจ๊ะ คือว่า อยากให้มีเวลาสัก 48 ชั่วโมง/วัน

ถึงจะทำอะไรต่อมิอะไรได้ทุกอย่างตามที่วางโปรแกรมไว้จ๊ะ

นี่ขนาดว่า นอนตีหนึ่ง ตื่นเจ็ดโมงเช้า เวลายังไม่พอเลยค่ะ

อิอิ

แต่ไงวันนี้ก็ต้อง ลงสูตรให้น้องๆซะทีแหละ เพราะ ผ่านการเซ็นเซอร์ ของตัวเองเรียบร้อยแล้วค่ะ

ตามที่เห็นในรูปแหละ ใครจะตกแต่งหน้าตาอย่างไรก็ไปทำเอาเองนะค่ะ

เพราะของป้าทำกินกันที่บ้านค่ะ ไม่ใช่เพื่อการค้าแต่อย่างไร

4 ชิ้นที่ถ่ายรูปมาโชว์นี่ ก็คือเอาไปให้ครอบครัวของเพื่อนที่มาจากฝรั่งเศสรับทาน

เมือวานเชิญเขามาปิ้งย่าง บาร์บีคิว กัน ได้รับเสียงตอบรับ ว่าอร่อย ไม่รู้ว่าชมเพื่อถนอมน้ำใจหรือเปล่า

ฮ่าฮ่า

สูตรอยู่นี่ค่ะ

strawberry jelly

น้ำสตอเบอร์รี่ 200 g

น้ำตาล 60g

เจลาติน 2 แผ่น

น้ำสตอเบอรี่ (มาจากการนำสตอร์เบอรี่แช่แข็งไปต้มให้นิ่มแล้วปั่นให้ละเอียด

กรองเอาแต่น้ำไว้ใช้ แต่อิฉัน เอาทั้งหมดเลยค่ะจึงค่อนข้างปั่นละเอียดยิบเลยค่ะ

มันจะได้เข้มข้น หอมดีค่ะ) จากนั้นก็นำน้ำสตอเบอรี่ไปต้มกับน้ำตาลพอละลายแล้วใส่เจลาตินลงไป

แล้วเทลงพิมพ์ซิลิโคน อะไรก็ได้ที่พอหาได้ ทีแรก กะว่าจะเอาเทใส่ที่ทำน้ำแข็งก้อนในตู้เย็นค่ะ

แต่มองๆไปเห็นยางซิลิโคนที่ใช้หยอดโดนัทจิ๋ว ก็เลยเอามาใช้ค่ะจึงเห็นเป็นวงๆ ในรูปนั่นละค่ะ

นำเข้าตู้ฟรีซไว้ก่อนเลยค่ะ หรือจะทำทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้

อ้อ ลืมไปค่ะเก็บไว้สักครึ่งนะค่ะ อย่านำไปทำเป็นเจลลี่ก้อนหมดนะค่ะเอาไว้แต่งหน้าด้วยค่ะ

sponge cake สำหรับเค้ก 2 ปอนด์

ไข่เเช่เย็น 3 ฟอง

น้ำตาล 120 g

ovalet 15 g

แป้งเค้ก 100 g

ผงฟู 1/2 ช้อนชา

เกลือ 1/4 ช้อนชา

นม 50 g

เนยละลาย 30 g

1. ละลายเนย ตั้งไว้

2. นมสด ตวงตั้งไว้

3. ส่วนผสมที่เหลือตวงใส่โถผสม ตีด้วยเครื่องจนเข้ากันจนขึ้นจากเดิม 2-3 เท่า

4. ค่อยๆรินนมลงไป และตามด้วยเนยละลาย ตีไม่นานก็ยกลงมาคนผสมข้างนอกเพิ่ม

เทลงพิมพ์ นำเข้าอบ 180 องศา 20-30 นาที

(สปองค์เค้กนี่ หวังว่าน้องๆคงเข้าในกันดีอยู่แล้วนะค่ะ)

เช็คแล้วขนมสุกดีก็นำออกมาทิ้งให้เย็น แล้วจึงสไลด์ออกเป็น 2 แผ่น

ความหนาเท่าๆกัน ปาดข้างๆ ออกจะนิดด้วยค่ะ ( ลองเช็คขนาดพิมพ์ซะก่อนนะค่ะ เดี๋ยวจะล้นพิมพ์)

Yogurt cream mousse

โยเกิรต์รสธรรมชาติ 250 g.

ผิวมะนาว 1 ลูก

เจลาติน 2 แผ่น

น้ำตาล 60 g.

ไข่แดง 50 g.

วิปครีม 250 g.

วิธีทำ 1. นำโยเกิตร์ใส่ชาม ขูดผิวมะนาวใส่ลงไป

2. นำไข่แดง กับ น้ำตาล คนรวมกันบนหม้อตุ๋น อุณภูมิที่ 70 องศา ก็ยกลง

นำเจลาตินที่แช่เตรียมไว้ลงไปคนรวมค่ะ

3. ตีวิปปิ้งครีม ให้ฟูเบา

นำข้อ 1 กับข้อ 2 มาคนรวมกัน(ต้องระวังขั้นตอนนี้ค่ะ เนื่องจากเอาของร้อนมาผสมของเย็น อาจทำให้เป็นเม็ดได้ค่ะ จึงต้องนำ ร้อนลงไปใส่เย็นเพื่อปรับอุณหภูมิซะก่อนนิดหน่อย แล้วจึงค่อยใส่ไปทั้งหมด

เมื่อเข้ากันดีแล้ว ก็นำไปคนรวมกับวิปปิ้งครีมที่ตีไว้ค่ะ

ก็จะได้มูส สตอเบอรี่

++++++++++

เอาละประกอบตัวเค้กได้เลยค่ะ

วางขนมชิ้นที่ 1 ลงในพิมพ์วงแหวน

เทมูสลงใส่ให้เต็มข้างๆและคลุมผิวขนมชั้นที่ 1

วางเจลลี่ที่เเข็งได้ที่แล้วลงไป

เทมูสลงบนขนมให้เต็มเจลลี่

วางขนมชั้นที่2

เทมูสลงทับสปองค์ชั้นที่2เหลือผิวหน้าไว้นิดหน่อย สัก2-3 มิล ก็พอค่ะ(หรือตามชอบ)

นำขนมเข้าตู้แช่ไว้ให้เซ็ทตัว

เมื่อได้ที่แล้วก็นำออกมาจากตู้เย็น นำสตอเบอรี่เจลลี่ที่เก้บไว้ครึ่งนึง มาอุ่นให้ละลาย

อย่าให้เจลลี่ร้อนมากนะค่ะ ถึงค่อยนำไปราดบนหน้าขนม

นำเข้าตู้เย็นอีกครั้งค่ะ

เมื่อเซ็ทตัวดีแล้วก็ตัด ตกแต่ง ตามชอบได้เลยค่ะ

เสร็จแล้วค่ะ นู๋อ้อย นู๋ตุ๋ม ไม่รู้จะเข้าใจที่ป้าเขียนหรือเปล่า

ติดขัด ก็โทร.เข้ามาละกันนะค่ะ

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ขนมปังลูกเกด จากเครื่องทำขนมปัง

หือ .....
เนื้อขนมปังนุ่ม หอม และอร่อยมากๆๆๆจ้า
ถึงขนาดตะบะแตก กินไปชิ้นใหญ่เลย กำลังอุ่นๆกรุ่นจากเตา
ใครจะไปอดใจไหว เน๊อะๆๆๆ

แต่งานนี้มีผู้ช่วยตัวเก่ง มาจัดการให้ซะทุกอย่างเลยจ๊ะ
ตัวอิฉันเองก็แค่นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงไป ตามขั้นตอน
อ่านคู่มืออย่างละเอียด แถมค้นคว้าจากเน็ต ที่มีผู้รู้เขียนเรื่องเครื่องทำขนมปัง
---------
จึงตัดสินใจที่จะลงมือกับเครื่องที่เพิ่งถอยมาใหม่
เสียดายก็ตรงที่งานนี้ไม่มี น้าแหม่มยืนเบิ่งอยู่ข้างๆ
เพราะเป็นผู้ที่ร่วมมือกันไปถอยมา จากเดอะมอลล์บางกะปิ
อิอิ
-------------------------
การตัดสินใจของอิฉันสำหรับเมนูแรกที่เลือก
ก็คือเดินสำรวจข้าวของในบ้านแล้วจึงเลือกเป็น
ขนมปังลูกเกด น่าสนใจเพราะชอบกินและมีของพร้อม

และแล้ว
มันก็ออกมาทุเรศ ทุรัง อย่างที่เห็นเลย
เพราะ
1.ไม่ได้เลือกให้โปรแกรมเหมาะสมกับน้ำหนักของวุตถุดิบ
ควรจะเลือกเป็น 750 กรัม แต่เครื่องทำงานที่ 900 กรัม
2.ขั้นตอนที่เครื่องเตือนให้ใส่ลูกเกดลงไป
อิฉันไม่ได้สิงอยู่แถวนั้นก็เลยไม่ได้ยินจึง
ไม่ได้ใส่ ปล่อนเลยตามเลย
3.แป้งขนมปัง น่าจะไม่สดใหม่มากนัก เพราะเก็บอยู่ในกระปุกนานเป็นเดือนเเล้ว
-----------------
ทั้งหมดทั้งเพ จึงทำให้ขนมออกมาน่าเกลียดอย่าในรูปข้างบนนี่แหละเจ้าค่ะ
เพราะเวลา นานมากไป แล้วนส่วนผสมก็น้อยกว่าสูตร คือขาดลูกเกด
ขนมที่ได้เปลือกนอกหนาและแข็งมากๆ
ถ้าปาหัวหมาก็คงเย็บ 8 เข็มแน่เนอน 55
แต่ยังดีที่เมื่อเเล่ผิวนอกออกหมด ก็ยังกินได้เหมือนขนมปังแซนวิชที่เขาตัดขอบออกละค่ะ
อิอ หาเหยื่อกินได้สบาย บ้านเราคนเยอะ อิอ

คราวนี้ก็มาถึงชิ้นที่มาพองอยู่ในท้องอิฉันตอนนี้ ดิ ดูซะ
ทำไมมันช่าง สมบูรณ์อย่างนี้ค่ะ
คราวนี้ ก็ทำติดกับครั้งแรกเลยนั่นแหละ ทิ้งช่วงให้เครื่องเย็นสักแป๊บนึงจ๊ะ
ก็บรรเลงเลย โดยปรับจากสูตรที่ทำนิดหน่อย จากที่อ่านๆๆๆ เจอจากโน้นนี้ก็ปรับเอาเอง
เช่นเอานมสดมาแทนที่น้ำครึ่ง/ครึ่ง
ใส่อบเชยมากกว่าเดิม ครึ่งช้อนชา เพิ่มนมผงอีกนิดส์ นึง
และไม่ลืมที่จะเลือกน้ำหนักของขนม 750 กรัม
เลือกสีเปลือกขนมอ่อนสุด
และไม่ลืมใส่ลูกเกด ตอนขั้นตอน นวดแป้งครั้งที่สอง ถึงแม้ลูกเกดจะเปื่อยจากเดิมไปสักนิด
ก็ช่างมัน ผ่าออกมาแล้วไม่เจอลูกเกดสักเม็ดเลยค่ะ
เพราะมันแหลกจนไปรวมกับเนื้อขนมปังซะแล้ว อิอิ สวยงามดีค่ะ
สรุปว่า ไม่เสียแรงที่อุตสาห์นอนดึก นั่งรอผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเองจ้า

อิ่มจังเลยวุ้ย
น้าแหม่มขา เอาสักชิ้นป่ะ ก่อนนอน
จะได้พุงปลิ้นเหมือนกัน เอิ๊กกกก

หนังสือเพิ่ม

,
เปิดดูแล้วก็น่าสนใจอีกแล้ว หนังสือมากมายที่ซื้อๆมาก็ยังไม่ได้ลองทำซักที
แค่ได้เปิดไปเปิดมา ก็ชื่นใจเหลือเกินแล้วละ

แต่สองเล่มนี้ซิ สนใจมากกว่าปกติหน่อยแค่อ่านผ่านๆหน้าแรกๆ
ทั้งที่ซื้อเล่มสองมาก่อนแล้วไปตะเวนหาเล่มหนึ่ง
ก็ได้มาครองดั่งใจแล้วจ้า
ว่างเมื่อไหร่ก็จะเปิดอ่านทันที อิ

สปาเก๊ตตี้เบคอน

เย็นนี้ คิดเมนูอาหารไม่ออกซะงั้นไอ้จะไม่กินก็กลัวจะหิวตอนดึกๆๆ

อีกอย่างคุณน้องและสามีคุณน้องยังไม่ได้รับประทานอะไรเลยซะด้วย

หลังจากส่งคุณชายซิวเรียนแบดที่สนามวัชรพล อิฉันก็เลยแจ๋นไปฟู้ดแลนด์ซะหน่อย

เพราะต้องไปหาหนังสือเล่มที่อยากได้ซะหน่อย ได้เล่ม 2 มาก่อน
พอมาอ่านแล้ว ดันประทับใจ
ก็เลยตามหาเล่ม1 ซึ่งหายากมากๆๆ
แต่ก็นับเป็นบุของอิฉันเมื่อเช็คแล้วมีที่สาขาใกล้บ้านพอดี อิอิ

ก็คือฟู้ดแลนด์รามอินทรา
ต่อเรื่องอาหารมื้อเย็นวันนี้ ก็ปรากฎอย่างที่เห็น
สปาเก็ตตี้เบคอน+เนื้อหมูอีกนิดหน่อย
เชื่อม๊ะ ว่ากิน 3 คนหมดเลย สปาต้มเสร็จใหม่ๆ 1 ห่อเต็มๆ
ยังมีนอกจานที่โชว์อีกครึ่งจานด้วยนะ
จับมาถ่ายรูปไม่หมด เดี๋ยวไม่สวย 55555+ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
เอามาให้ดูแล้วกันว่าเยอขนาดไหน ตามรูปละ ก๊ากกกกกก

Diamants Rasecberry

Pear mousse chalotte